24 ตุลาคม 68 พ.ต.ท.ณัฐพล สิทธิมงคล รอง ผกก.(สอบสวน) รรท.ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ พ.ต.ท.วิชยะ พันธุ์งาม สว.สส.สภ.ประต้ำจุฬาลงกรณ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ได้ร่วมกันจับกุมนายณัฐวุฒิ หรือนัด น้อยโพธิ์ภัย อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 906/2568 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ในวันที่ 23 ตุลาคม 2568 บริเวณ ห้าง BIS BANGKOK SERVICE ชั้น1 ถนน มเหสักข์ เขตบางรัก แขวงสุริยวงศ์ กรุงเทพฯ และได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ผู้อื่น
พ.ต.ท.ณัฐพล สิทธิมงคล รอง ผกก.(สอบสวน) รรท.ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค.68 นายอภิชาติ รอดหลัก หรือเฮียหนวด อายุ 34 ปี ได้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ว่าถูกคนร้ายเข้ามาทำทีขอดูเพชรที่ร้าน จากนั้นก็ได้ทำการสลับเพชรจริงไป มูลค่าเพชรที่เสียหาย 1,690,000 บาท เหตุเกิดที่ร้านเพชรภายในศูนย์การค้าฟิวเจอร์รังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งทาง นายณัฐวุฒิ หรือนัด น้อยโพธิ์ภัย อายุ 27 ปี ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าทำจริง และพึ่งพ้นโทษคดีลักทรัพย์ออกมาเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว นอกจากนี้ก็มีประวัติลักทรัพย์อยู่หลายท้องที่ในเขตนครบาล อยากฝากร้านเพชร หรือว่าผู้เสียหายคนอื่นที่พบว่ามีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ ลักษณะเหมือนกับผู้ต้องหารายนี้ ให้มาแจ้งความเพิ่มเติมหรือให้มาดูตัวได้ที่สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ นอกจากนี้ก็ต้องฝากถึงร้านเพชรร้านทองต้องดูลักษณะคนและดูดสินค้าของตนเองอย่าเผลอเลอและค่าสายตากับสินค้าที่อยู่ภายในร้านเพราะว่าคนร้ายอาจจะมาในหลายรูปแบบ

ด้าน นางสาววัชรีย์ยา แสงไกร อายุ36 ปี พนักงานร้านขายเพชร บอกว่าซึ่งทางคนร้ายได้ขอเข้ามาดูสินค้าภายในร้านเช่นเพชรที่เป็นเม็ด แหวนเพชร ตุ้มหูเพชร ซึ่งครั้งแรกผู้ต้องหามาดูลาดเลาไว้แล้วเมื่อวันที่ 11 ต.ค.68 ซึ่งวันนั้นทางผู้ต้องหาสวมเสื้อสีเหลือง สอบถามราคาประมาณ20นาที จากนั้นวันที่ 14 ต.ค.68 เวลาจากกล้องวงจรปิด14.00 น.ทางผู้ต้องหาได้มาที่ร้านอีกครั้งโดยสวมเสื้อเชิ๊ตสีเทา และมาบอกว่าวันนี้ผมจะมาซื้อแล้วน่ะครับและมาดูตุ้มหูเพชรและเพชรเม็ดเดี่ยวที่เขามาดูไว้ ซึ่งตนเองเอามาให้เขาซึ่งเขาดูนานและมีการเอาบล็อกแหวนที่ไปสั่งทำมาและเอาเพชรเม็ดเดี่ยวมาลองใส่ดู และส่องเพชรดูไปเรื่อยๆโดยที่ร้านมาถาดเอามาลองเพชร ส่วนที่มีผ้านั้นเขาขอมาเช็ดเพชร มันจะมีช่วงหนึ่งที่คุยกันอยู่ซึ่งสินค้าคือเพชรเม็ดเดี่ยวมันมีใบเซอร์ ซึ่งใบเซอร์จะอยู่ในตู้เซฟของทางร้าน จังหวะนั้นตนเองหันหลังไปแป๊บหนึ่งเพื่อที่จะไปเปิดตู้เซฟเอาใบเซอร์เขาก็ทำเพชรตกและมีการสลับเพชร ตนเองไม่ได้เห็นตอนเขาสลับแต่ตนเองได้ยินเสียงเพชรตก และเขาก็เอาขึ้นมาเช็ดตามปกติ หลังจากนั้นตกลงกันแล้วว่าจะเอาสินค้า 3 ชิ้น แต่ไม่ได้เอาเพชรเม็ดเดี่ยว และบอกกับตนเองว่าต้องไปหาเงินมาก่อนซึ่งสินค้า3ชิ้นราคา5แสนกว่าบาท และเขาก็ขอไปขายทองเพื่อเอาตังค์มาซื้อเพชรเขาหายไปประมาณ 2ชั่วโมง ตนเองเห็นผิดปกติมันต้องอะไรซักอย่างแล้วแล้วตนเองโทรศัพท์ไปไม่รับ ตนเองจึงโทรศัพท์บอกทางเจ้าของร้านซึ่งทางเจ้าของร้านก็ให้เอาเพชรเม็ดเดี่ยวที่เขาดูมาส่องดูก็ไม่พบเลขซีเลียวนัมเบอร์ จึงรู้ว่าถูกสลับเพชรแล้ว ซึ่งเป็นเพชรราคา 1,690,000 บาท เพชร 3.09 กะรัต

นายอภิชาติ รอดหลัก หรือเฮียหนวด อายุ 34 ปี บอกว่า หลังจากที่เวลาผ่านไป2ชั่วโมงแล้วเราเห็นความผิดปกติของลูกค้าที่จะนัดกันมาจ่ายเงิน จึงได้มาย้อนกล้องวงจรปิดดูเขาได้มีการเตรียม setting แหวนมาซึ่งเป็น wax ตัวเรือนแหวนก่อนที่จะนำไปขึ้นเป็นทองคำแท้ๆซึ่งผิดวิสัยของลูกค้าโดยทั่วๆไปซึ่งในการเตรียมมานี้นั่นก็หมายความว่าเขาได้มีการมาดูลาดลาวไว้ก่อนแล้วซึ่งเป็นวันที่ 11 ตุลาคม 2568ดูช้างลูกน้องแจ้งว่าเขายังไม่มาจ่ายตังค์ทางตนเองก็เลยให้ลูกน้องใช้เครื่องเลเซอร์คอมเพชรซึ่งจะได้รู้ว่าเลข number ที่อยู่ในเพชรได้ตรงกับใบเซอร์หรือไม่ก็ได้คำตอบว่าไม่ตรงและรู้ทันทีเลยว่าถูกสลับเสร็จแล้วและพฤติกรรมของเขาแปลกคือเขาจะเอาผ้าเช็ดเพชรอยู่ตลอดเวลาและเราก็เลยเห็นจังหวะที่เขาทำเพชรร่วงซึ่งพฤติกรรมของการทำเพชรล่วงนั้นไม่เป็นธรรมชาติซึ่งเป็นการเทเพชรลงมาที่พื้นซึ่งจังหวะนี้เขาจัดเตรียมเพชรแล็บหรือเพชรปลอมไว้ด้านล่างแล้วเพชรจริงล่วงลงไปก็ได้ใช้จังหวะนั้นหยิบเพชรปลอมขึ้นมาแทนที่ซึ่งจังหวะนั้นทางพนักงานที่ร้านได้หันไปเอาใบเซอร์ซึ่งเวลานี้เราละสายตาก็จะทำให้ทางเขามีโอกาสสบช่องทางในการสลับเพชรเพราะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นซึ่งของร่วงทางพนักงานก็คิดว่ามันเป็นธรรมชาติเพราะของมันร่วงกันได้ก็ไม่ได้เกิดความสงสัยอะไร
ส่วนนายณัฐวุฒิ หรือนัด น้อยโพธิ์ภัย อายุ 27 ปี (ผู้ต้องหา) ได้รับสารภาพว่าตนเองทำจริงและได้นำไปเพชรไปขายแถวสะพานควายราคา4แสนกว่าบาท และตนเองทำคนเดียวไม่มีใครมาทำด้วยตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไปทำไม และตนเองก็เคยถูกจับในคดีลักทรัพย์มาแล้วที่นครบาล

