ช่วงกลางดึก 5 พฤศจิกายน 68 ได้เกิดน้ำได้กัดเซาะดิน บริเวณใต้สะพานข้ามถนนปทุมธานี-สามโคก(ฝั่งตะวันออก) ม.3 ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี และเข้าท่วมโรงเรียนวัดเมตารางค์และบ้านเรือนประชาชน โดยที่เกิดเหตุพบประชาชนกำลังมุงดูเหตุการณ์กันเป็นจำนวนมากและน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยากำลังทะลักเข้ามาท่วมโรงเรียนอย่างรวดเร็วและกระแสน้ำไหลแรง ทางประชาชนที่มีรถแบ๊คโฮได้นำแผ่นเหล็กและเสาเข็มมาปิดกั้นน้ำ แต่เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงจึงทำได้ยาก ส่วนที่โรงเรียนวัดเมตารางค์พบว่ามีน้ำไหลมาท่วมเต็มพื้นที่ของโรงเรียนทางครูและนักเรียนต้องช่วยกันขนของหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนชั้น 2
จากการสอบถามนายสายันต์. รุจิฉาย อายุ47ปี สมาชิกอบต.เชียงรากน้อย บอกว่ารับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้มุดใต้ถนนเข้ามาท่วมบ้านเรือนประชาชนและโรงเรียน ตนเองจึงออกมาดูซึ่งปกติแล้วที่ตรงนี้ก็ไม่มีรอยรั่วซึ่งบริเวณตรงไม่มีท่อรอดแต่อย่างใดและเวลาความกว้างของน้ำที่กัดเซาะประมาณ2-3เมตร ซึ่งตรงนี้จะสร้างความเสียหายให้กับตำบลเชียงรากน้อยทั้งตำบลและบริเวณใกล้เคียงด้วย ซึ่งขณะนี้ประชาชนที่มีรถแบ๊คโฮได้นำแผ่นเหล็กและเสาเข็มมาปิดกั้นน้ำไว้ก่อนแต่ไม่รู้ว่าจะอยู่หรือเปล่าและชาวบ้านก็แตกตื่นด้วย
ด้านนายสตกฤช วิชิตพันธ์ ผอ.โรงเรียนวัดเมตารางค์ บอกว่างมีนักการภารโรงได้โทรแจ้งตนเองว่ามีน้ำได้ทะลักจากถนนเข้ามาท่วมที่โรงเรียนตนเองจึงรีบมาซึ่งขณะนี้น้ำได้เข้าท่วมทั่วทั้งโรงเรียนแล้วซึ่งปกติตนเองอยู่มา 10 ปีก็ไม่เคยท่วมแบบนี้น้ำจะท่วมโรงเรียนได้ก็ต้องข้ามถนนมาก่อนซึ่งเวลานี้น้ำได้ทะลุถนนมาทางเราก็ไม่ได้ป้องกันอะไรมาก่อนซึ่งขณะนี้ได้สั่งปิดโรงเรียนแล้วจำนวน 2 วันและต้องดูสถานการณ์น้ำว่าจะเป็นอย่างไรและต้องดูว่ามีอะไรเสียหายบ้างและอาจจะมีการปิดการเรียนการสอนต่อเนื่องซึ่งขณะนี้คุณครูและนักเรียนก็ได้มาช่วยกันขนของขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ซึ่งจุดสูงสุดก็ประมาณหัวเข่าซึ่งขณะนี้น้ำได้เข้ามาที่โรงเรียนเรื่อยๆถึงโรงเรียนนี้มีนักเรียนทั้งหมด 55 คนคุณครู 10 คนรวมทั้งตนเองด้วยซึ่งสอนตั้งแต่อนุบาลถึงป. 6
ล่าสุด นายนพพร ขาวขำ รองนายก องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีได้รับมอบหมายจาก พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง มานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีนำเจ้าหน้าที่ชุดบรรเทา สาธารณภัยเข้าพื้นที่เกิดเหตุสนับสนุนการป้องกันน้ำเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในอย่างเร่งด่วน
